จนถึงปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 ปากีสถานได้ร้องขอผู้ให้บริจาคระหว่างประเทศเพื่อช่วยเหลือจากภัยพิบัติดังกล่าว[50] โดยได้รับจัดหาเฮลิคอปเตอร์ยี่สิบเอ็ดลำและเรือ 150 ลำเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ตามข้อมูลขององค์การจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ[51] ขณะนั้น สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำปากีสถานได้จัดเฮลิคอปเตอร์ให้เจ็ดลำ[52] สหประชาชาติเริ่มการบรรเทาสาธารณภัยขององค์การ[26] และขอบริจาคเงิน 460 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อจัดหาความช่วยเหลือทันที รวมทั้งอาหาร ที่พักและน้ำสะอาด วันที่ 14 สิงหาคม เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มูน เดินทางเยือนปากีสถานเพื่อตรวจตราและอภิปรายการบรรเทาสาธารณภัย[42][43] โฆษกกองทัพปากีสถานว่า ได้มีการจัดวางกำลังพลในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดและได้ช่วยเหลือประชาชนหลายพันคน[29] นายกรัฐมนตรี ยูซัฟ ราซา กิลลานี เยือนรัฐและสั่งการให้กองทัพเรือปากีสถานช่วยอพยพผู้ประสบอุทกภัย[53] จนถึงต้นเดือนสิงหาคม มีประชาชนได้รับการช่วยเหลือมากกว่า 352,291 คน[54]

ตามข้อมูลของสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ จนถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553 มีเงินสนับสนุนด้านมนุษยธรรมบริจาคเข้ามาแล้วเฉียด 1.792 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[55]